โครงงานฟิสิกส์
เรื่องไม้ไอติมสารพัดประโยชน์
จัดทำโดย
นางสาวอลิสา พลศรี เลขที่ 22
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/3
เสนอ
นายธนดล คำเสมอ
รายงานเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงงานฟิสิกส์
โรงเรียนบัวเชดวิทยา อำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 33
ก
บทคัดย่อ
โครงงาน การประดิษฐ์ไม้ไอติมเป็นโครงงานที่คิดค้นเพื่อให้นักเรียนสามารถวางแผนและ
ออกแบบการทำไม้ไอศกรีมให้ได้ประโยชน์ สามารถบอกขั้นตอนการประดิษฐ์ไม้ไอติมสารพัด
ประโยชน์ นำเศษวัสดุเหลือใช้มาดัดแปลงให้เกิดประโยชน์ รู้จักการทำงานร่วมกับผู้อื่นและมีความ
สามัคคีในหมู่คณะ เรียนรู้ตามความสนใจและเกิดความภาคภูมิใจในผลงานของตน โครงงานชิ้นนี้ จะเป็น
สื่อการเรียนการสอนที่เป็นประโยชน์ในการเรียนรู้ และสามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้
คณะผู้จัดทำ
ข
กิตติกรรมประกาศ
โครงงานฟิสิกส์ เรื่อง ไม้ไอติมสารพัดประโยชน์ได้รับความกรุณาจากคุณครูทุกท่าน ผู้ปกครองของนักเรียนที่ได้ให้คำแนะนำและสนับสนุนในการจัดทำโครงงานฟิสิกส์คณะผู้จัดทำขอขอบคุณเป็นอย่างสูง
ณ โอกาสนี้ ขอขอบคุณครูและนักเรียนทุกคนที่ได้ให้ข้อมูลและมีสวนร่วมในการดำเนินกิจกรรมโครงงานฟิสิกส์ ทำให้เกิดประโยชน์ต่อตัวเองและคนอื่นๆขอขอบคุณคณะคุณครูและผู้ปกครองของนักเรียนที่ให้การสนับสนุนที่ได้ให้คำแนะนำและร่วมมือในการจัดโครงงานฟิสิกส์จนสำเร็จลุล่วงด้วยดี
หากมีข้อผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย
คณะผู้จัดทำ
สารบัญ
เรื่อง หน้า
บทคัดย่อ ก
กิตติกรรมประกาศ ข
บทที่ 1 บทนำ 1
ที่มาและความสำคัญ 1
วัตถุประสงค์ 1
สมมุติฐาน 1
ขอบเขตการศึกษา 1
ระยะเวลาในการดำเนินการ 2
ประโยชน์ที่ได้ดำเนินการ 2
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง 3-5
บทที่ 3วิธีการดำเนินงาน 6วัสดุและอุปกรณ์ 6
กลุ่มเป้าหมายในการดำเนินการ 6
วิธีการดำเนินการ 6
บทที่ 4ผลการดำเนินการ 7
บทที่ 5 สรุปผลการดำเนินงาน 9-10
เอกสารอ้างอิง 11
1
บทที่ 1
ที่มาและความสำคัญของโครางงาน
ที่มาและความสำคัญของโครางงาน
พบว่าในปัจจุบันเรานั้นในสังคมไทยส่วนใหญ่เวลาต้องการสิ่งของสิ่งหนึ่งนั้นเราก็จะไปซื้อตามที่ต่างๆที่มีสิ่งของเหล่านั้น แต่พบว่ามีราคาสูงมาก กลุ่มของข้าพเจ้าเลยตั้งโครงงานชิ้นนี้ขึ้นมาเพื่อ คนที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อสิ่งของที่ต้องการ โดยกลุ่มของข้าพเจ้านั้นจะประดิษฐ์สิ่งของที่อยู่ใกล้ตัวเรา เช่น ประดิษฐ์สิ่งของจากไม้ไอติเพราะไม้ไอติมสามารถนำมาประดิษฐ์สิ่งของได้หลายอย่าง กลุ่มข้าพเจ้าเลยต้องการที่จะทำที่ผู้ซื้อสั่ง หรือทำตามความคิดของคนในกลุ่ม แล้วนำมาจำหน่ายให้กับคนที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายบางส่วนลง ต้องการความทนทาน คุ้มค่ามากที่สุด และสามารถนำไปใช้ชีวิตประจำวันมากที่สุด
วัตถุประสงค์
1.จัดทำมาเพื่อให้ได้ใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ
2.งานแต่ละชิ้นมีราคาไม่สูง ประหยัดต่อผู้ซื้อ
3.สามารถใช้งานได้นานกว่าอุปกรณ์บางชนิด
สมมุติฐานของการศึกษาค้นคว้า
เศษวัสดุเหลือใช้เช่นไม้ไอศกรีม สามารถนำมาดัดแปลง ตกแต่งให้เกิดประโยชน์ได้
ขอบเขตการศึกษา
1. อำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์
2. สมาชิกในกลุ่มทุกคน
2
ระยะเวลาในการดำเนินการ
ประมาณ 2-3 เดือน (30พฤษภาคม- 30สิงหาคม2556 )
เริ่มตั้งแต่การทำงาน จนเสร็จ และสำเร็จ
ประโยชน์ที่ได้รับ
1.ได้ปฏิบัติกิจกรรมตามความถนัดและความสนใจของตนเอง
2.ได้รับการฝึกทักษะและความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
3.ได้รู้จักการนำเศษวัสดุเหลือใช้มาดัดแปลง ประดิษฐ์ ตกแต่งให้เกิดประโยชน์
3
บทที่ 2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
ประวัติไม้ไอติม
เล่ากันว่า"ไอติม"มีต้นกำเนิดมาจากดินแดนในต่างประเทศ ทั้งนี้ได้แพร่กระจายเข้ามาในประเทศไทยเมื่อสมัยรัชกาลที่ 5 ในสมัยนั้นส่วนใหญ่จะใช้รับประทานกันแต่ภายในวังเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากไอศกรีมเป็นอาหารหวานที่ทันสมัยหรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นนวัตกรรมให้มาก็ว่าได้ ใครได้ลองรับประทานไอศกรีมในสมัยนั้นก็ถือว่า เป็นคนที่ก้าวล้ำนำสมัยไปโดยปริยาย
สืบสาวต้นกำเนิดไอศกรีมยุคโบราณ
สืบสาวต้นกำเนิดไอศกรีมยุคโบราณ
จุดเริ่มต้นของไอศกรีมในระดับสากล นายโทมัส อาร์ควินนี่ เล่าว่า การรับประทานไอศกรีมน่าจะเริ่มต้นกันมาตั้งแต่สมัยจักรพรรดิเนโรห์ แห่งอนาจักรโรมันที่ได้พระราชทานเลี้ยงไอศกรีมแก่เหล่าทหารหาญที่อยู่ในกองทัพของพระองค์ แต่ในขณะนั้นไอศกรีมเกิดจากเป็นการนำหิมะมาผสมเข้ากับน้ำผึ้งและผลไม้ ต่อมาเรียกไอศกรีมประเภทนี้ว่า เชอร์เบ็ท(Sherbet)นั่นเอง แต่ตำนานนี้ก็หาได้เป็นแค่ตำนานเดียวที่เล่าสืบต่อกันมาถึงต้นกำเนิดของไอศกรีมไม่ หากแต่บางกระแสก็ระบุว่าบรรพชนของคนจีนค้นพบไอศกรีมเป็นครั้งแรก เมื่อประมาณ 4,000 ปีที่ผ่านมา ซึ่งลักษณะของไอศกรีมในประเทศจีนทำมาจากข้าวบดผสมกับนมสดที่เย็นจนเป็นนำแข็ง และได้มีการสอนให้ทำไอศกรีมให้กับคนอินเดียและชาวเปอร์เชียอีกด้วย การก่อกำเนิดไอศกรีมตาม
ตำนานประเทศจีนระบุว่า เป็นเรื่องของความบังเอิญแท้ๆ ทั้งนี้เป็นที่ทราบกันดีว่าประเทศจีนในสมัยนั้นเพิ่งจะมีการรู้จักรีดนมจากสัตว์เลี้ยงที่อยู่ในฟาร์ม เมื่อรีดออกมาจำนวนมากก็บริโภคไม่หมด ประกอบกับน้ำนมเป็นสินค้าที่มีราคาแพงมากๆ คนชั้นสูงเห็นท่าไม่ดีจึงเกิดแนวคิดนำน้ำนมไปหมกซ่อนไว้ในหิมะนัยว่าเพื่อ
ต้องการที่จะถนอมน้ำนมเอาไว้รับประทานได้นานๆเกิดขึ้นด้วยความบังเอิญแท้ๆ จนกระทั่งน้ำนมที่นำไปหมกไว้ในหิมะกลายเป็นนมแช่แข็งขึ้นมาในบัดดล จากนั้นก็มีการพัฒนารูปแบบจากนมแช่แข็งที่แสนจะสุดธรรมดาให้กลายเป็นน้ำผลไม้แช่แข็ง ในส่วนของราชวงศ์โมกุลได้นำเอานมต้มมาผสมกับถั่วพิสตาซิโอจนเกิดเป็นของหวานแช่แข็งเรียกกันว่า Kulfi ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นแบบแผนของไอศกรีมในยุคโบราณ
4
จนปลายศตวรรษที่ 13 มาร์โคโปโล เดินทางไปจีน และชื่นชอบ จึงนำสูตรกลับไป อิตาลีขณะเดินทางมีการเติมนมลงไป กลายเป็นสูตร ของเขาโดยเฉพาะ และแพร่หลายไปในอิตาลี ฝรั่งเศสและข้ามไปอังกฤษ
คนอิตาลีถือว่าตนเองเป็นต้นตำรับไอศกรีมแบบที่นำมาปั่นให้เย็นจนแข็ง เรียกว่าเจลาติ (Gelati) ประเทศอิตาลีและมีการพัฒนาไปมากจนทำให้อิตาลีได้ชื่อว่าเป็นแหล่งไอศกรีมเลิศรสเลยทีเดียว ขณะเดียวกันคนอิตาลีมักจะทึกทักเอาว่าบรรพชนของตนเป็นคนค้นพบไอศกรีมเป็นครั้งแรกเสมอมา
แถบยุโรปประมาณ ค.ศ.1670 ฟรานเอสโก ได้นำไอศกรีมไปจำหน่ายภายในร้านกาแฟของเขาเพื่อให้บริการลูกค้าของเขาปรากฏว่าได้รับความสนใจกันอย่างกว้างขวางมากทีเดียวไอศกรีมได้รับการพัฒนากระบวนการผลิตขึ้น
เรื่อยๆ จนกระทั่ง ค.ศ.1846 นางแนนซี่ จอห์นสัน ก็สามารถสร้างเครื่องผลิตไอศกรีมขึ้นมาได้เป็นครั้งแรก และนับเป็นจุดที่ทำให้ไอศกรีม เผยแพร่เข้าไปทั่วโลกก็ว่าได้
เส้นทางการแพร่หลายของเจ้าไอติม ที่น่าสนใจก็คือเมื่อประมาณศตวรรษที่ 14 ไอศกรีมได้แพร่หลายเข้าไปในประเทศเทศอิตาลีและฝรั่งเศส ซึ่งในประวัติศาสตร์ ของไอศกรีมช่วงนี้ระบุว่า ในงานฉลองอภิเษกสมรสระหว่างแคเธอรีน เดอ เมดิซี แห่งเวนิชกับกษัตริย์เฮนรี่ที่ 2 ของฝรั่งเศสได้มีการนำ ของหวานกึ่งแช่แข็งมาเสริฟแขกเหรือที่มาร่วมงาน สำหรับรูปร่างหน้าตาเหมือนกับไอศกรีมไม่มีผิดเพี้ยน และนี้ก็เป็นอีกจุดหนึ่งทำให้ ไอศกรีมกลายเป็นของหวานของคนค่อนโลกไปโดยปริยาย
เล่ากันว่าในช่วงแรกๆที่มีไอศกรีมต้องผ่านการผลิตที่ค่อนข้างจะยุ่งยากเนื่องจากต้องใช้เวลาและต้องลงแรงตามสมควร เมื่อได้ผลิตผลจากการลงแรงที่เป็นไอศกรีมเย็นเฉียบแล้ว ก็ต้องเกณฑ์คนมาช่วยกันรับประทานให้หมดมิเช่นนั้นแล้วไอศกรีมก็จะละลายกลายเป็นน้ำไปในเวลาอันรวดเร็ว กลายเป็นการลงทุนที่สูญเปล่าในที่สุด
การแพร่หลายของไอศกรีมจากฝรั่งเศสเข้าไปอเมริกา ในช่วงต้นศตวรรษที่ 17 จนไอศกรีมกลายเป็นของหวานที่ผู้คนชื่นชอบกันมากในช่วงนี้ ตำนานไอศกรีมในสหรัฐอเมริกาโดยเฉพาะ "ไอศกรีมซันเดย์" ได้ถือกำเนิดขึ้นท่ามกลางความอึมครึมเนื่องจากยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดว่าเกิดขึ้นในรัฐไหนกัน
แน่ แต่ที่แน่ๆในราวๆปี พ.ศ. 2435 ไอศกรีมซันเดย์ได้ถือกำเนิดขึ้นท่ามกลางความตื่นเต้นของอเมริกันชนสมัยนั้นอย่างถ้วน
5
ความรู้เกี่ยวกับไอศกรีมชนิดต่างๆ
ไอศกรีม เป็นของหวานแช่แข็ง มีส่วนประกอบสำคัญ คือ นม ไขมัน น้ำตาล ผสมกับเครื่องปรุงรสอื่นๆไอศกรีมมีหลายชนิดสามารถแบ่งตามชนิดต่างๆ ได้ดังนี้
1. ไอศกรีม ( lce Cream ) มีส่วนผสมของนม น้ำตาล ไขมันและเครื่องปรุงรส อื่นๆเช่นช็อกโกแลตวานิลลากาแฟหรือผลไม้เช่นสตรอเบอร์รี่ข้าวโพดเผือกเป็น ส่วนประกอบไอศกรีมพรีเมี่ยม มีส่วนผสมของไขมันมากที่สุด ในประเภทของ ไอศกรีมทุกชนิด การบริโภคไอศกรีมทั่วโลกคิดเป็น 70%ของบริมาณของหวาน แช่แข็งทั้งหมด
2. ไอศกรีมหวานเย็นผสมนม ( Milk lce or lce Milk) มีปริมาณไขมันน้อยกว่า ไอศกรีมมีส่วนผสมของนม น้ำตาลและเครื่องปรุงรสอื่นๆสามารถผลิต ไอศกรีม ชนิดนี้ใด้ทั้งแบบเนื้อนุ่มและแบบเนื้อแข็ง
3. เชอร์เบท (Sherbet) ไม่มีไขมัน มีส่วนผสมสำคัญคือน้ำผลไม้และน้ำตาล มีนมเป็นส่วนประกอบเพียงเล็กนัอยรสชาติออกเปรี้ยวและหวาน เนื้อไอศกรีม เชอร์เบทเหนียว เนียนละเอียด สีสวยสดใส
4. ซอร์เบท์ (Sorbet) ไม่มีไขมัน มีส่วนผสมสำคัญ คือ ผลไม้(น้ำผลไมัหรือชิ้น เนื้อผลไม้บด) และน้ำตาล ซอร์เบท์มีปริมาณน้ำตาลมากที่สุดเนื้อไอศกรีมมี ลักษณะเป็นเกล็ดละเอียด นุ่มได้รสชาติผลไม้เข้มข้น
5. ไอศกรีมหวานเย็น (Water Ice) ไอศกรีมหวานเย็น มีส่วนผสมหลัก คือ น้ำตาล น้ำเครื่องปรุงรสและกลิ่น ไม่มีส่วนผสมของไขมันมีปริมาณน้ำมากที่สุด สีและรส เป็นส่วนผสมสำคัญเพื่อให้ผลิตภัณฑ์มีสีสัน และรสชาติที่ต้องการส่วนใหญ่มี ลักษณะ เป็นแท่ง
6. ไอศกรีมโยเกิร์ต (Y๐hGurt Ice Cream)มีส่วนผสมหลักคือไอศกรีมและโยเกิร์ต ซี่งจะให้รสชาติหวานกลมกล่อมแบบไอศกรีม และเปรี้ยวเล็กนัอยแบบโยเกิร์ต สามารถผลิตไอศกรีมโยเกิร์ตได้หลากหลายรสชาติเหมือนไอศกรีมทั่วไปแต่โดย ส่วนใหญ่จะใช้รสชาติผลไม้เป็นหลัก
6
บทที่ 3
วิธีการดำเนินงาน
1. วัสดุและอุปกรณ์
1.1ไม้ไอติม
1.2 กาว
1.3 กรรไกร
1.4 คัดเตอร์
1.5 หลอดไฟ
1.6 สายไฟ
1.7 ปลั๊กไฟ
2. ขั้นตอนการทำไม้ไอติมสารพัดประโยชน์
1.ทาสีไม้ไอติม
2.แตกให้แห้ง
3. นำไม้ไอติมมาประกอบกันเป็นรูปร่าง
4.ใส่หลอดไฟ
5.ตกแต่งให้สวยงาม
7
ตารางการปฏิบัติงาน
ขั้นตอนการศึกษา
|
ระยะเวลาดำเนินงาน
|
1.กำหนดปัญหา
|
4 / พ.ย / 56
|
2.ศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้องกับเรื่องไม้ไอติมสารพัดประโยชน์
|
10 / พ.ย / 56
|
3.รวบรวมข้อมูลที่ได้จากการสืบค้น
|
12 / พ.ย / 56
|
4.ศึกษาค้นคว้าจากอินเทอร์เน็ต
|
15 / พ.ย / 56
|
8
บทที่ 4
ผลการดำเนินการ
จากที่ได้ลงมือปฎิบัติกิจกรรมตามโครางงานไม้ไอติมสารพัดประโยชน์มีการร่วมกันสืบค้นและสอบถามข้อมูลตามหมู่บ้านต่างๆจากผู้ปกครองของนักเรียน ผู้ปกครองให้ความร่วมมือในการทำการโครางงานได้ดี
9
บทที่ 5
สรุปผลการดำเนินงาน
สรุป อภิปราย และข้อเสนอแนะ
5.1 สรุปผลการศึกษา
จากการศึกษาค้นคว้าโครงงานเรื่องไม้ไอติมสารพัดประโยชน์ ผลการศึกษาพบว่า
1. ไม้ไอติสามารถนำมาทำโคมไฟได้จริง
2. ไม้ไอติสามารถนำใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง
3. ไอติมที่กินเหลือแต่ไม้ก็สามารถนำไปประดิษฐ์ได้หลายอย่าง
จากการที่พวกเราได้ศึกษาไม้ไอติมสารพัดประโยชน์ทำให้พวกเรารู้จักใช้ไม้ไอติมให้เกิดประโยชน์ของนักเรียนในกลุ่ม ได้ผลสรุปผลการดำเนินโครางงาน ดังนี้
ในการศึกษาไม้ไอติมสารพัดประโยชน์จากผู้ปกครองของนักเรียนและประชาชนได้รู้จักการใช้
ไม้ไอติมเพิ่มมากขึ้นและวิธีการใช้ไม้ไอติมให้เกิดประโยชน์ในการใช้ชีวิตประจำวัน เช่นนำไม้ไอติมมาประดิษฐ์เพื่อไว้ใช้ภายในบ้าหรือจำหน่ายเพื่อเป็นรายได้อีกทางหนึ่ง
อภิปราย การศึกษาโครงงานวิทยาศาสตร์
เรื่อง ไม้ไอติมสารพัดประโยชน์คณะผู้จัดทำได้ทำการศึกษาเพิ่มเติมว่า
1. ไม้ไอติมสารพัดประโยชน์ที่เราทำขึ้นเองดีกว่าที่เราซื้อตามท้องตลาด
2. ถ้าเราต่อไฟไม่ถูกวิธีไฟอาจจะไม่สว่าง
10
ข้อเสนอแนะ
ควรมีการศึกษาไม้ไอติม ว่าสามารถนำมาทำอะไรได้อีก
สถานที่ดำเนินงาน
1. บ้านจารย์ บ้านเลขที่ 33 หมู่ 5 ต. อาโพน อ. บัวเชด จ. สุรินทร์
งบประมาณ
ประมาณ 300 บาท
11
เอกสารอ้างอิง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น